“เมื่อศรัทธาและเมตตาบังเกิดขึ้นในหัวใจของผู้แสวงธรรม แม้สถานที่อันรกร้าง ก็กลายเป็นสถานที่แห่งแสงสว่าง”
จุดเริ่มต้นของแสงธรรมบนดอยสูง
หากเอ่ยถึงสถานที่ทางพระพุทธศาสนาในภาคเหนือที่มีพลังศรัทธาแผ่ไพศาลทั้งในด้านจิตวิญญาณและศิลปวัฒนธรรม หนึ่งในชื่อที่ผู้คนทั่วประเทศรู้จักและให้ความเคารพนับถือคือ “วัดแสงแก้วโพธิญาณ” ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาในอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
ด้วยความเมตตาและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ พระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ท่านได้เปลี่ยนพื้นที่ป่าเขาอันห่างไกลให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิบัติธรรม ศูนย์กลางแห่งพลังศรัทธา และเป็นสถานที่หลอมรวมศิลปกรรมล้านนาเข้ากับธรรมะอย่างงดงาม
ศรัทธาอันแน่วแน่ในป่าเขา
ย้อนกลับไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2548 ขณะนั้นพื้นที่ของวัดแสงแก้วโพธิญาณยังเป็นป่ารกร้าง ไร้สิ่งปลูกสร้าง และห่างไกลผู้คน ครูบาอริยชาติเดินทางมายังพื้นที่นี้โดยอาศัยจิตเมตตาและแรงศรัทธาเพียงหยิบมือจากญาติโยม ด้วยเป้าหมายเดียว คือสร้าง “ที่พึ่งทางใจ” แก่ผู้คน และให้สถานที่แห่งนี้เป็น ศูนย์กลางการฝึกจิตใจในพระพุทธศาสนา
การสร้างวัดในพื้นที่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านต้องเผชิญกับทั้งข้อจำกัดด้านงบประมาณ สภาพแวดล้อมที่ทุรกันดาร และแรงต้านจากบางฝ่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความศรัทธาอันแน่วแน่ ท่านจึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดและวางรากฐานของวัดด้วยแนวคิดที่ลึกซึ้งคือ
“วัดคือสถานที่บ่มเพาะธรรมะให้แก่ผู้มีทุกข์ ให้มีที่พักใจ ให้มีทางออกจากวัฏฏะแห่งกิเลส”
จากกุฏิเคียงเดี่ยว สู่ศูนย์กลางธรรมะแห่งล้านนา
ช่วงเริ่มต้นของวัดแสงแก้วโพธิญาณมีเพียงกุฏิไม้หลังเล็ก ๆ หนึ่งหลัง ใช้สำหรับปฏิบัติธรรมและพักอาศัย ครูบาอริยชาติลงมือสร้างด้วยตนเองและแรงศรัทธาจากศิษย์ผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน ทว่าไม่นาน ด้วยกิตติคุณด้านธรรมะและเมตตาธรรม ผู้คนเริ่มทยอยเดินทางขึ้นมาเพื่อกราบนมัสการ ฟังธรรม และร่วมบุญ
พัฒนาการของวัดเริ่มขยายอย่างต่อเนื่อง ทั้งการก่อสร้างศาสนสถาน ปรับปรุงภูมิทัศน์ และออกแบบองค์ประกอบทางศิลปะให้สอดคล้องกับแนวคิด “ธรรมะกับศิลปะ” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของครูบาอริยชาติ จนกระทั่งวัดแสงแก้วโพธิญาณได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวัดที่มีความงดงามและสงบร่มรื่นที่สุดในภาคเหนือ