การเข้านิโรธกรรม ครูบาอริยชาติ

“ครูบาอริยชาติ” มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ในเหตุที่ท่านอยู่กรรม เข้านิโรธกรรมหรือนิโรสมาบัติเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน การเข้านิโรธสมาบัตินี้ ตามคัมภีร์ของพุทธศาสนาฝ่ายล้านนา เชื่อว่า พระอริยบุคคลระดับพระอนาคามีขึ้นไปเท่านั้นที่ทำได้ เพราะถ้าเข้านิโรธเต็มกำลัง ไม่ฉัน ไม่ถ่าย ไม่พูด ไม่จา นั่งภาวนาตลอดเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน เหนือเวทนาทั่วไปที่มีมนุษย์ธรรมดาจะทำได้ แต่สำหรับ “ครูบาอริยชาติ” ท่านเรียกการเข้านิโรธของท่านว่า “การอยู่กรรม” ซึ่งจะกระทำในวันเข้าพรรษา  ซึ่งท่านจะอยู่กรรมทุกปี โดยมีชาวบ้านและพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูแล ด้านนอกกระโจม และรอที่ที่จะใส่บาตรครูบาในวันที่ออกจากนิโรธ

ซึ่งนอกจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน และข้อวัตรต่างๆ ตามพระธรรมวินัยแล้ว พระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ซึ่งเป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชนทุกชนชั้น ได้สร้างวัดแสงแก้วโพธิญาณ และช่วยงานสาธารณประโยชน์ อื่นๆ อีกมากมาย โดยมีบันทึกรายการก่อสร้าง และงานสาธารณประโยชน์ ตั้งแต่ พ.ศ.2555 รวมงบประมาณทั้งสิ้น มากกว่า 1,000 ล้านบาท  โดย ด้านสาธารณสงเคราะห์ ท่านได้จัดตั้งหน่วยกู้ภัยแสงแก้วโพธิญาณ อุปถัมภ์ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เพื่อสนองงานในการช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุฉุกเฉิน สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ ช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีงานทางด้านการศึกษา

ท่านได้แจกทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนทุกปี อย่างน้อยปีละ 7,000   ทุน และได้จัดตั้งโครงการเพชรล้านนา ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และเทศบาลนครเชียงราย เพื่อให้นักเรียนภาคเหนือ ได้แสดงความสามารถประกวดแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการ

ด้านสาธารณูปการ

ท่านก็ได้ช่วยเหลืองานต่างๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้างถาวรวัตถุ จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน โรงพยาบาล วัดอื่นๆ ชุมชน หมู่บ้าน เช่น อาคารเรียนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสารภีพิทยา จ.เชียงใหม่ , อาคารโรงพยาบาลแม่สรวย จ.เชียงราย , อาคารพัฒนาอาชีพบ้านใหม่แสงแก้ว และอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ เป็นต้น

ปัจจุบัน “ครูบาอริยชาติ”  พำนักอยู่ที่ วัดแสงแก้วโพธิญาณ และเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 13 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทางวัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้จัดงานทำบุญฉลองสมโภชโสฬสญาณมงคล 16 ปี และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 42 ปี พระภาวนารัตนญาณ วิ.(ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) โดยมีการจัดปฏิบัติธรรม บรรพชา-อุปสมบทหมู่ จำนวน 140 รูป และบวชชีพราหมณ์ 150 คน มีพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทองคำ ขนาด 9.9 นิ้ว น้ำหนัก 15 กิโลกรัม , เบิกเนตรพระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิญาณ ขนาดหน้าตัก 21 เมตร สูง 32 เมตร ใช้ทุนทรัพย์ในการจัดสร้าง 65 ล้านบาท , สมโภชพระประธานเงิน สมเด็จองค์ปฐม ขนาดหน้าตัก 80 นิ้ว หล่อด้วยเม็ดเงินบริสุทธิ์ น้ำหนัก 1,111 กิโลกรัม พระพักตร์ทองคำ น้ำหนัก 11 กิโลกรัม ใช้ทุนทรัพย์ในการจัดสร้าง ประมาณ 70 ล้านบาท , ทำพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างพระมหาเจดีย์วัดแสงแก้วโพธิญาณ

และในช่วงจัดงานดังกล่าว พระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ได้นำคณะศิษยานุศิษย์บริจาคปัจจัย เพื่องานสาธารณประโยชน์อีกหลายด้าน เช่น ถวายปัจจัยสมทบกองทุนพระปริยัติโรงเรียนเจดีย์หลวง จำนวน 200,000 บาท , ถวายปัจจัยสนับสนุนทุนบาลีโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดเจ็ดยอด จ.เชียงใหม่ จำนวน 200,000 บาท , แจกทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียน จำนวน 7,000 ทุน , แจกข้าวสารให้แก่ชาวบ้าน และหน่วยงานต่างๆ รวม จำนวน 8,400 ถุง (รวม 42 ตัน) , มอบทุนสาธารณประโยชน์ จำนวน 16 ทุน

ครูบาอริยชาติ ท่านเป็นนักบุญแห่งล้านนาในยุคปัจจุบัน ในฝ่ายล้านนาเชื่อกันว่า ท่านเป็นขวัญหน้าของครูบาศรีวิชัย ลงมาเกิดเพื่อเร่งสร้างบารมี ดังจะเห็นได้จากตลอดชีวิตของท่าน แม้ยังเป็นครูบาหนุ่มน้อย ก็ไม่ยึดติดในลาภ สักการะทั้งปวง  จึงกล่าวได้ว่า ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต  ถือเป็นพระนักบุญแห่งแดนล้านนาที่มีหัวใจโพธิสัตว์ อย่างแท้จริง