“โยมต้อง ตาม•ดู•รู้•ทัน แล้วก็จะต้องวางได้ อย่างโกรธเกิดขึ้น เราจะต้องรู้ว่าเราโกรธ แต่บางทีเรารู้ว่าเราโกรธ แต่ไม่สามารถดับโกรธได้ เพราะว่าเราไม่สามารถจะวางมันได้”
.
ถ้าใครสามารถที่จะวางอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นได้ โยมก็สามารถทำให้จิตว่างได้เข้าใจไหม
.
เหมือนโลภเกิดขึ้น เรารู้ว่าเราโลภปุ๊บ เราก็วางมัน โลภมันก็หายไป จิตเราก็ว่าง เขาเรียกว่าทางสายกลาง
“มัชฌิมาปฏิปทา” คือการวางก็คือการว่าง
.
.
บางทีเรามอง ครูบามีอะไรก็จะมองไว้กลางๆ เวลาเรื่องไม่ดี ก็จะมองให้เป็นเรื่องดี (บางคนก็ว่าคิดบวก) เวลาทำอะไรปุ๊บเป็นสิ่งไม่ดี แต่เราก็สามารถทำให้เป็นสิ่งดีได้
.
.
เหมือนเราโดนหลอก เราก็มองว่าเราใช้กรรมไป ใช้กรรมไปหมดแล้ว เอ่อ เราเสียโง่เราจะได้ฉลาดขึ้น ถ้าเราไม่โง่เราจะไม่ฉลาด วันหลังใครมาหลอกเรา เราจะไม่โง่อีกแล้ว
.
.
สิ่งไม่ดี สามารถมองให้เป็นสิ่งดีได้ ใจก็สบาย แบบนี้เป็นต้น มองหาข้อดีในสิ่งไม่ดี ที่พบนะโยม แล้วมันจะขัดเกลาตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องใช้ “สติ” นะโยม❞
_____________________________
ธรรมบรรยายโดย ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ในกิจกรรม “ธรรมะคือคุณากร” ปีที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓๓ วันศุกร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ ๒ (ตึกข่าว) ถนนพระราม ๔ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร